เคาะเดียวค่ะ น้ำมันน้ำมันว่านดอกไม้ทอง ( ว่านราคะ ) เป็นมหาเสน่ห์ มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง หลวงพ่อเอิบ ทายาทพุทธคม หลวงพ่อผินะ ขนาด 3 นิ้ว
หญิงใช้จักเป็นเสน่ห์ติดตัว ใครเห็นใครรักใครหลง ชายพกติดตัวไปหาสาวใด หรือคนที่รักใคร่ชอบพอก็จะสมหวังทุกประการ ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง
โบราณกล่าวไว้ว่า ว่านนี้ทำให้ผู้หญิงเกิดอาการตัณหาราคะ เพราะจะมีกลิ่นคาวแตกต่างจากว่านชนิดอื่นๆ ที่มีกลิ่นเผ็ด ถ้าเลี้ยงดีๆ ว่านนี้จะให้คุณในการทำมาค้าขาย หรือเจรจาการค้าที่ประสบความสำเร็จ และทำให้คนพบเห็นรักใคร่ เอ็นดู มีเมตตา
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง โดยมากในผู้หญิงจะเกิดคุณทางกามรมณ์
ที่รุนแรงมาก ถ้าเอาดอก หัว ใบ หรือลำต้น นำไปใส่ในโอ่งน้ำ หรือบ่อน้ำ หากใครได้กินเข้าไปก็จะมีอารมณ์ความรู้สึกทางเพศที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะดอกเพียงแค่ได้กลิ่นสูดดม ทั้งหญิงและชายจะพากันมัวเมาในโลกีย์รส
พอได้กลิ่นว่านในน้ำมัน มักจะมีอาการใจอ่อนคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก
ทำให้คนรักคนหลง บางคนเอาไปใช้ถูกหวยก็มี ชายใดหญิงใดที่หมายตาก็มารักใคร่ชอบพอ ไปไหนมีแต่คนเข้ามาทักทายพูดคุยด้วยความเสน่หา นับว่าเป็นว่านที่มีคุณทางด้านเมตามหาเสน่ห์ มหานิยมลุ่มหลงงวยงงที่รุนแรงเป็นอย่างมาก
มีเรื่องเล่าอยู่ว่า..........
สมัยก่อนที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีดงว่านชนิดนี้เกิดขึ้นอยู่ตามธรรมชาติอยู่บริเวณรอบหมู่บ้าน จนกระทั่งเมื่อถึงฤดูฝน ว่านชนิดนี้ก็ออกดอกส่งกลิ่นตลบอบอวนไปทั่วทั่งหมู่บ้าน ปรากฏว่าคนทั้งหมู่บ้านมีการแอบสมสู่กันเกิดขึ้น จนเกิดการทะเลาะตบตีแย่งชิงกันเพราะอำนาจของว่านแห่งราคะนี้
จนผู้ใหญ่บ้านต้องนำรถไถไปเกรดบดทับบริเวณรอบหมู่บ้านที่มีดงว่านดอกทอง เพราะเกรงว่าจะเป็นเหตุให้หมู่บ้านต้องพินาศไปด้วยฤทธิ์ของว่านดังกล่าว จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังมีผู้คนแอบไปขุดเอาหัวว่านขึ้นมาใช้กันอยู่ อันเนื่องมาจากความอาถรรพ์ของว่านดอกทองหรือว่านราคะ ที่มีอำนาจครอบงำเหนือชายและหญิงทั้งปวง